จบม. 6 เรียนต่ออะไรดี แนะแนวทางหลักสูตรที่เหมาะกับน้อง ๆ ศิลป์คำนวณ
เชื่อว่าน้อง ๆ ที่กำลังจะก้าวสู่การเรียนในชั้น ม.6 หรือกำลังเรียนจบชั้น ม.6 ทุกคนน่าจะมีคำถามที่คิดไม่ตกว่า จบม.6 เรียนต่ออะไรดี? เพราะการเลือกมหาวิทยาลัยและคณะที่ต้องการเรียนในระดับปริญญาตรีนับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้น้อง ๆ สามารถเตรียมความพร้อมในการสอบเข้า และก้าวสู่การเรียนต่อ รวมถึงใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยได้อย่างมีความสุข ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาไขคำตอบให้น้อง ๆ ว่าจบม.6 เรียนต่ออะไรดี? และแนะแนวสายการเรียนของ Stamford International University ที่ตอบโจทย์กับแผนการเรียนที่น้อง ๆ เรียนในระดับมัธยม พร้อมแนะนำสิ่งที่ควรทำก่อนตัดสินใจเลือกคณะและมหาวิทยาลัยที่เหมาะกับตัวเอง เพื่อให้น้อง ๆ สามารถวางแผนและเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง จะมีอะไรบ้าง เราไปดูพร้อม ๆ กันเลย
จบม.6 เรียนต่ออะไรดี? แนะนำ 4 หลักสูตรที่เหมาะสำหรับเด็กสายศิลป์คำนวณ
ศิลป์คำนวณ เป็นแผนการเรียนที่เน้นการเรียนในวิชาภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์เป็นหลัก ทำให้น้อง ๆ ที่เรียนจบจากแผนการเรียนนี้ จะมีทักษะในการฟัง-พูด-อ่าน-เขียนภาษาอังกฤษอย่างครบครัน และยังมีทักษะในวิชาคณิตศาสตร์ที่เกือบเทียบเท่ากับสายวิทย์-คณิต ทำให้น้อง ๆ ที่เรียนจากสายศิลป์คำนวณได้เปรียบในการเลือกคณะหรือหลักสูตรอยู่มากพอสมควร ดังนั้นถ้าน้อง ๆ ยังมีคำถามอยู่ว่า จบม.6 เรียนต่ออะไรดี เราไปดูกันดีกว่าว่ามีหลักสูตรและสาขาอะไรที่ถูกใจน้อง ๆ สายศิลป์บ้าง
1. หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต
สำหรับหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิตที่ Stamford International University นับว่าเป็นหลักสูตรที่มีสาขาให้น้อง ๆ เลือกตามความต้องการได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
สาขาการจัดการธุรกิจการบิน
ช่วยเตรียมนักศึกษาให้พร้อมกับอุตสาหกรรมการบินทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ การบริการ เทคโนโลยี และ การบริหารจัดการภาคพื้นดิน เรียนรู้และฝึกฝนทักษะการทำงานกับบริษัทการบินชั้นนำ พร้อมก้าวสู่ธุรกิจการบิน
สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ
เข้าใจธุรกิจผ่านการประยุกต์ใช้ทฤษฎีต่าง ๆ และลงมือปฏิบัติจริงผ่านการทำโปรเจกต์ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและบริษัทชั้นนำ พร้อมฟังบรรยายจากวิทยากรพิเศษและผู้เชี่ยวชาญในวิชาต่าง ๆ รวมถึงการได้ฝึกงานกับบริษัทชั้นนำ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การทำงานจริงในอนาคต
สาขาการตลาด
เรียนรู้หลักการการตลาด และการสื่อสารการตลาด รวมถึงกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริงจากผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด พร้อมเรียนรู้ในการวางแผน จัดการ ปรับใช้ และประเมินการจัดกิจกรรมการตลาดที่เหมาะสมโดยใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่หลากหลาย เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นนักการตลาดในอนาคต พร้อมทางเลือกหลักสูตรสองปริญญาที่ New York สหรัฐอเมริกา
สาขาการเป็นเจ้าของธุรกิจ
หลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อสร้างเจ้าของธุรกิจในอนาคต โดยเตรียมความพร้อม ทักษะ และความรู้ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการประสบความสำเร็จในโลกธุรกิจให้กับนักศึกษา โดยเน้นไปที่สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เป็นไปตามเส้นทางของเจ้าของธุรกิจ ซึ่งจะเอื้อให้นักศึกษาได้จะแสดงประสิทธิภาพในการเป็นเจ้าของธุรกิจ นอกจากนี้นักศึกษาจะได้ทำการนำเสนอไอเดียในการทำธุรกิจให้แก่นักลงทุนที่สนใจ เพื่อให้ได้รับเงินทุน และสามารถทำธุรกิจด้วยความช่วยเหลือจากที่ปรึกษามืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจด้านต่าง ๆ
สาขาการเงินและการธนาคาร
สาขาการเงินและการธนาคารของมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด มีการพัฒนาหลักสูตรร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งนักศึกษาจะได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ทางด้านการเงินโดยตรง รวมไปถึงโอกาสในการฝึกงาน เข้าร่วมการฝึกอบรม สัมมนา ศึกษาดูงาน และกิจกรรมต่าง ๆ อีกด้วย พร้อมทางเลือกหลักสูตรสองปริญญาที่ ที่ University of the West of England หรือ University of Northampton ที่ประเทศอังกฤษ เป็นเวลา 1 ปี
สาขาการจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน
เรียนรู้ทุกแง่มุมของการบริการจัดการโลจิสติกส์ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการผลิตและการบริหารงานด้านการจัดการโลจิสติกส์ ผ่านหลักสูตรที่มีความทันสมัย พร้อมด้วยประสบการณ์การทำงานของอาจารย์ผู้สอนและวิทยากรพิเศษจากภาคอุตสาหกรรม นักศึกษาแสตมฟอร์ดจะมีความพร้อมในการทำงานและมีความสามารถในการจัดการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อสำเร็จหลักสูตร
สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด มุ่งอธิบายกลไกของระบบที่มีความเป็นสากลที่ล้วนส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและมีส่วนในการกำหนดทิศทางของโลกในยุคปัจจุบันอีกด้วย โดยนักศึกษาจะได้เรียนรู้กระบวนการการสร้างแนวคิด หลักการ ความเชื่อมโยง การวิเคราะห์ และการคาดการณ์เหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อเตรียมทักษะและความรู้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้จริงในการทำงานในอนาคต
2. หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต
มาต่อกันที่หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มีสาขาให้เลือกเพียงสาขาเดียว ได้แก่ สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ
สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ
สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นสาขาที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้การทำงานด้าน Software Engineering, Data Science, E-Commerce และ Network & Security รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมด้านภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่การทำงานในระดับสากล
3. หลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต
สำหรับน้อง ๆ ที่เริ่มเบื่อตัวเลขและการคำนวณ หลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต ก็นับว่าเป็นหลักสูตรที่จะช่วยเปิดที่ช่วยเปิดโอกาศให้น้อง ๆ ได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 2 สาขา ดังนี้
สาขาการผลิตสื่อสร้างสรรค์และบันเทิง
เปิดโอกาสในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เรียนรู้นวัตกรรม พร้อมเปิดรับประสบการณ์ที่สนุกสนานและเต็มไปด้วยความบันเทิงกับสาขาการผลิตสื่อสร้างสรรค์และบันเทิง นักศึกษาจะได้เรียนรู้และฝึกฝนการคิดเนื้อหาผ่านสื่อโดยใช้ความคิดสร้างสรรค์และสอดแทรกความบันเทิง ได้ลงมือปฏิบัติงานจริง และมีความรู้ความเข้าใจการผลิตสื่ออย่างเชี่ยวชาญ
สาขาการสื่อสารการตลาดดิจิทัลและโฆษณา
เริ่มต้นก้าวสู่วงการโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพได้ที่ สาขาวิชาการสื่อสารการตลาดดิจิทัลและโฆษณา ด้วยหลักสูตรที่ได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มพูนทักษะการสื่อสารการตลาด ทั้งการพูด การเขียน และมุ่งส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในการวางแผนการสื่อสาร พร้อมทั้งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจการตลาดดิจิทัล ก้าวทันตามโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
4. หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต
และก็มาถึงหลักสูตรสุดท้าย กับหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต ซึ่งเป็นอีกหลักสูตรที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับแผนการเรียนศิลป์คำนวณสักเท่าไหร่ แต่สำหรับน้อง ๆ ที่เบื่อการคำนวณและตัวเลข ก็สามารถเลือกเรียนในหลักสูตรนี้ได้เลย โดยมีให้เลือกทั้งหมด 2 สาขา ดังนี้
สาขาการออกแบบสื่อสร้างสรรค์
ฝึกทักษะการออกแบบ 3D Animation, Visual Effects และ Product Design ไปจนถึงการพัฒนาเว็บไซต์ วิดีโอ และหนังสั้น ทำให้นักศึกษามีองค์ความรู้และทักษะในการออกแบบ เพื่อนำไปใช้ในการโฆษณาและสื่อสารในช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะสื่อดิจิทัล นอกจากนี้นักศึกษาจะได้สัมผัสประสบการณ์การทำงานจริงผ่านการทำโครงงานกับบริษัทต่าง ๆ เพื่อเตรียมรับมือกับโลกแห่งการออกแบบที่ท้าทายและไม่หยุดนิ่งในอนาคต
สาขาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารนานาชาติ
เปิดประตูสู่โอกาสอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผ่านหลักสูตรที่มุ่งเน้นให้นักศึกษานำทฤษฎีภาษาอังกฤษไปประยุกต์ใช้ในงานด้านต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้จ้างงานในยุคปัจจุบันที่มีความต้องการในการสรรหาบุคลากรที่มีทักษะภาษาอังกฤษที่เชี่ยวชาญในการสื่อสารข้ามวัฒนธรรม การสื่อสารเชิงธุรกิจ การเขียนรายงานต่าง ๆ เป็นต้น
5 เช็กลิสต์สิ่งที่ควรทำก่อนตัดสินใจเลือกคณะและมหาวิทยาลัย
สำหรับน้องๆ ที่ยังคิดไม่ตกว่า จบม.6 เรียนต่ออะไรดี? การเลือกคณะและมหาวิทยาลัยเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่จะส่งผลต่ออนาคตของเรา ดังนั้นการเตรียมตัวและวางแผนอย่างรอบคอบจึงเป็นสิ่งจำเป็น มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่เราควรทำก่อนตัดสินใจเลือกคณะและมหาวิทยาลัย
1. รู้จักความชอบของตัวเอง
การรู้จักตัวเองเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการเลือกคณะและมหาวิทยาลัย ลองถามตัวเองว่าเราชอบอะไร มีความถนัดด้านไหน และอะไรที่ทำแล้วรู้สึกมีความสุข อาจเริ่มจากการสังเกตวิชาที่เราชอบเรียนในโรงเรียน กิจกรรมที่สนใจทำในเวลาว่าง หรือทักษะที่คิดว่าตัวเองเก่ง นอกจากนี้ การทำแบบทดสอบความถนัดหรือบุคลิกภาพก็อาจช่วยให้น้อง ๆ เข้าใจตัวเองมากขึ้น และเมื่อรู้จักตัวเองดีแล้ว น้อง ๆ ก็จะสามารถเลือกคณะที่สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
2. หาข้อมูลของคณะและสาขา
เมื่อคุณมีไอเดียคร่าว ๆ แล้วว่าสนใจด้านไหน ขั้นตอนต่อไปคือการหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคณะและสาขาที่เราสนใจ ศึกษาหลักสูตร วิชาที่ต้องเรียน และทักษะที่จะได้รับการพัฒนา อ่านรีวิวจากรุ่นพี่หรือศิษย์เก่า และติดตามข่าวสารของคณะนั้น ๆ ทางสื่อสังคมออนไลน์ นอกจากนี้ ควรศึกษาคุณสมบัติของผู้สมัคร เกณฑ์การรับ และอัตราการแข่งขันด้วย การมีข้อมูลที่ครบถ้วนจะช่วยให้น้อง ๆ ประเมินได้ว่าคณะและสาขานั้น ๆ เหมาะกับเราหรือไม่ และมีโอกาสเข้าเรียนมากน้อยเพียงใด
3. ร่วมกิจกรรม Open House
การเข้าร่วมกิจกรรม Open House เป็นโอกาสดีที่จะได้สัมผัสบรรยากาศจริงของมหาวิทยาลัยและคณะที่สนใจ โดยน้อง ๆ จะได้เห็นสภาพแวดล้อม ห้องเรียน ห้องแล็บ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่ดีในการพูดคุยกับอาจารย์และนักศึกษาปัจจุบัน ซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึกและประสบการณ์จริงที่อาจจะหาไม่ได้จากการอ่านเว็บไซต์หรือโบรชัวร์ อีกทั้งยังช่วยยืนยันได้มากขึ้นว่า เราสนใจคณะ สาขา และมหาวิทยาลัยนี้จริงไหม หรือคณะ สาขา และมหาวิทยาลัยที่เราสนใจตรงกับความต้องการของเราหรือไม่ ทำให้น้อง ๆ สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
4. ศึกษาเส้นทางอาชีพของคณะนั้น ๆ
การเลือกคณะไม่ใช่แค่เรื่องของ 4 ปีในมหาวิทยาลัย แต่ยังเกี่ยวข้องกับอาชีพในอนาคตด้วย ดังนั้น การศึกษาเส้นทางอาชีพของแต่ละคณะจึงเป็นสิ่งสำคัญ ให้เราลองค้นหาว่าบัณฑิตจากคณะนั้น ๆ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพอะไร มีโอกาสก้าวหน้าในสายงานอย่างไร และมีรายได้เฉลี่ยเท่าไร นอกจากนี้ยังควรพิจารณาแนวโน้มของตลาดแรงงานในอนาคตด้วย ว่าสาขาที่เราสนใจยังเป็นที่ต้องการหรือไม่ การมีข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราวางแผนอนาคตได้ดียิ่งขึ้น และเลือกคณะที่ไม่เพียงแต่น่าสนใจในตอนนี้ แต่ยังให้โอกาสที่ดีในการประกอบอาชีพในอนาคตด้วย
5. เลือกคณะ มหาวิทยาลัย และสาขาที่เหมาะกับเรา
หลังจากได้คำตอบแล้วว่า จบม.6 เรียนต่ออะไรดี? ขั้นตอนสุดท้ายคือการตัดสินใจเลือกคณะ มหาวิทยาลัย และสาขาที่เหมาะกับเราที่สุด พิจารณาทุกปัจจัยที่คุณได้ศึกษามา ทั้งความสนใจส่วนตัว หลักสูตร โอกาสในการเข้าเรียน และเส้นทางอาชีพในอนาคต นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น ค่าใช้จ่ายในการศึกษา ทำเลที่ตั้งของมหาวิทยาลัย และความพร้อมของตัวคุณเอง อย่าลืมว่าไม่มีการตัดสินใจใดที่สมบูรณ์แบบ แต่การเลือกด้วยข้อมูลที่รอบด้านและการไตร่ตรองอย่างรอบคอบจะช่วยให้น้อง ๆ มั่นใจในการตัดสินใจของตัวเองมากขึ้น
สรุปบทความ
สำหรับน้อง ๆ ที่สงสัยว่า จบม.6 เรียนต่ออะไรดี? หรือกำลังวางแผนในการเรียนต่อระดับปริญญาตรีตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็สามารถนำแนวทางหลักสูตร และเช็กลิสต์สิ่งที่ควรทำก่อนตัดสินใจเลือกคณะ มหาวิทยาลัย และสาขาที่ Stamford International University รวบรวมมาในบทความนี้ไปปรับใช้ในการเรียนต่อได้เลย
สุดท้ายนี้ หากคุณเป็นนักศึกษาที่สนใจสาขาต่าง ๆ ในหลักสูตรเรา และต้องการสมัครเรียนปริญญาตรีที่ Stamford International University ก็สามารถศึกษารายละเอียดและเลือกคณะที่ใช่ แล้วมาสมัครเรียนระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ดได้เลย หรือหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ก็สามารถติดต่อเราได้ผ่านช่องทางดังนี้
- โทร: 02-769-4000
- Facebook: https://www.facebook.com/stamfordthailand/
- สมัครเรียน: https://www.stamford.edu/apply-now/